
สมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน ในฐานะกลุ่มผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตตด้วยเตาอาร์คไฟฟ้าภายในประเทศ ขอเรียนเสนอว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยกระดับมาตรฐานการผลิตเหล็กเส้นให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ แทนการที่จะผลักภาระการเลือกใช้สินค้าไปที่ผู้บริโภค เนื่องจากเหล็กเส้นเป็นสินค้าทางด้านวิศวกรรม ซึ่งเป็นการยากที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าใจ และสุดท้ายใช้การตัดสินใจด้วยราคาเป็นหลัก
ทั้งนี้ นานาประเทศมีการพัฒนามาตรฐานคุณภาพของเหล็กเส้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ประเทศจีนมีการพัฒนามาตรฐานเหล็กเส้นตลอดเวลา ในปี 2550 จีนเพิ่มชั้นคุณภาพเหล็กเส้นที่มีความแข็งแรงสูงขึ้น ปี 2561 จีนกำหนดว่ากรรมวิธีการหลอม (Smelting Method) สำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ต้องมาจากเตา converter หรือ Electric Arc Furnace (EAF) ปี 2567 จีนยกระดับมาตรฐานเหล็กเส้นเป็นมาตรฐานบังคับ โดยการกำหนดกรรมวิธีการผลิต เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ต้องมาจากเตา Converter หรือ Electric Arc Furnace เท่านั้น นอกจากนี้ ในมาตรฐานฉบับใหม่ เหล็กเส้นต้านทานแผ่นดินไหว จะต้องผ่านกระบวนการปรับแต่งเพิ่มเติมจากภายนอกด้วยเตาปรุงน้ำเหล็ก Ladle Furnace
แม้ว่ามาตรฐานเหล็กในประเทศชั้นนำด้านอุตสาหกรรมเหล็กของโลก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะไม่ได้จำกัดประเภทของกระบวนการหลอมเหล็ก แต่เหล็กเส้นในประเทศเหล่านี้ ก็จะผลิตจากกระบวนการ BOF และ EAF ทั้งสิ้น มาตรฐานเหล็กเส้นของจีน ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ มีการกำหนดค่ากำลังคราก (yield strength) ขั้นต่ำและค่าสูงสุดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ความมั่นใจว่าเหล็กมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในพื้นที่เสี่ยงสูงหรือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
นช่วง 3 – 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศต่าง ๆ เผชิญปัญหาแผ่นดินไหวเพิ่มมากขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น หากประเทศไทยไม่มีการปรับตัวเพื่อรับเหตุแผ่นดินไหว ก็อาจจะมีการสูญเสียมากขึ้นเหมือนอย่างเช่นประเทศเมียนมา แต่ถ้าเรามีการปรับตัวเพื่อรับเหตุอย่างอินโดนีเซีย ที่แผ่นดินไหวเกิดบ่อย ความสูญเสียก็จะลดลง
ประเทศเมียนมา
ประเทศอินโดนีเซีย
จากเหตุการณ์ล่าสุดที่มีแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยนั้น บ่งชี้ว่าไทยควรมีการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านการก่อสร้าง ด้านการออกแบบเพื่อการรองรับภัยพิบัติ ทั้งนี้ ขณะนี้ มอก. เหล็กเส้น ของไทยอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโดย สมอ. การปรับปรุงดังกล่าวควรจะมีการยกระดับคุณภาพของเหล็กเส้นอย่างเข้มงวด ควรคำนึงถึงความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติอย่างเทียบเท่ามาตรฐานผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นของหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็ไม่มีรายการใช้เตาประเภทอื่นนอกจาก BOF และ EAF และมีการกำหนดค่า yield strength min-max เพื่อมีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่อันตราย
การผลิตเหล็กเส้นควรมีการขจัดสิ่งสกปรกจากน้ำเหล็ก 2 รอบ ในรอบแรกนำเศษเหล็กมาหลอม และขั้นต่อไปคือต้องมีเตาปรุงแต่งน้ำเหล็ก LF-Ladle Furnace เพื่อปรุ่งแต่งให้ตรงส่วนผสมเป็นไปตามที่ต้องการ และกำจัดสิ่งปนเปื้อนอีกครั้ง เพื่อจะได้เหล็กที่มีความสะอาด เนื้อเหล็กมีความสม่ำเสมอ
การที่มอก. ปัจจุบันไม่ได้บังคับให้มีการติดตั้งเตาปรุงน้ำเหล็ก หากหลายโรงงานนำเศษเหล็กด้อยคุณภาพมาหลอม แล้วรีดเป็นเหล็กเส้นเลย ทำให้ต้นทุนการผลิตอาจจะต่ำกว่า แต่สุ่มเสี่ยงเรื่องคุณภาพและความสะอาดของเนื้อเหล็กเส้น จึงจำเป็นต้องมีการเข้มงวดในเรื่องการใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก ladle furnace
ทั้งนี้ เหล็กเส้นเป็นโครงสร้างหลักของที่อยู่อาศัยและอาคารสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นการบังคับใช้ข้อกำหนดให้การผลิตเหล็กเส้นต้องมีการใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชานว่าเหล็กทุกเส้นได้คุณภาพมาตรฐานตาม มอก.
อุตสาหกรรมเหล็กคือรากฐานของโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เหล็กทุกเส้นที่ใช้ในอาคารหรือสะพาน ต้องมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย สมาคมฯ จึงขอเรียกร้องให้รัฐควบคุมการผลิตเหล็กเส้นให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด เน้นการปฎิบัติตามกฎหมายในทุกด้านให้มีความโปร่งใส ได้แก่
1. ด้านเศษเหล็ก มีการคัดแยกเศษเหล็กเพื่อใช้ในการผลิต ปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ VAT ในการซื้อเศษเหล็ก
2. ด้านการผลิต จ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผลิตสินค้าตามมาตรฐาน
3. ด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย มีการปฎิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งเเวดล้อมและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
4. ด้านอื่น ๆ ได้แก่ การนำส่งข้อมูลการผลิต สินค้าคงคลัง ราคาขาย แก่กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์
สมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในทุกๆ ด้านเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ปริมาณการนำเข้าเหล็กลวดได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ การนำเข้าในปริมาณสูงนี้ทำให้บางโรงงานต้องปิดกิจการลง และบางรายต้องลดกำลังการผลิต การเพิ่มขึ้นของปริมาณนำเข้าดังกล่าวเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การทุ่มตลาด (dumping) จากประเทศจีน การสำแดงประเภทสินค้าที่ไม่ถูกต้อง และการนำเหล็กลวดไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งผลที่ตามมาคือ ผู้ผลิตภายในประเทศส่วนใหญ่ต้องปิดกิจการลง ทำให้ลูกค้าขาดทางเลือกในการซื้อสินค้าในประเทศ หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจไม่มีผู้ผลิตเหล็กลวดเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป ห่วงโซ่อุปทานของเหล็กในประเทศจะสั้นลง ซึ่งอาจก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้จากการนำเข้าเหล็กลวดที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งในที่สุดอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสาธารณะ
ขอความอนุเคราะห์ ทางภาครัฐช่วยพิจารณาการตรวจสอบสินค้านำเข้า พิจารณาแก้ไขปรับปรุง และบังคับใช้ มอก. เหล็กลวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
กล่าวโดยสรุป สมาชิกสมาคมมีความประสงค์ให้ภาครัฐดำเนินการในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. กำกับดูแลการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมาย ผลิตสินค้าคุณภาพตามที่มอก.กำหนด โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก Ladle Furnace ในการผลิตเหล็กเส้น รวมทั้งควบคุมให้มีการดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม
2. ปรับปรุงยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้ทัดเทียมนานาประเทศ เพิ่มการควบคุมคุณภาพให้เป็น 2 ขั้นตอน โดยมีการเพิ่มการใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก เพื่อเน้นการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการรองรับภัยพิบัติในรูปแบบต่าง ๆ
3. กรณีเหล็กลวด ขอให้พิจารณาตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้า กำกับดูแลให้คุณภาพสินค้านำเข้าเป็นไปตามเกณฑ์ที่มาตรฐานประเทศไทยที่กำหนดไว้ และพิจารณาปรับปรุง ยกระดับ มอก. เหล็กลวด เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
ทั้งนี้ สมาชิกสมาคม พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในทุกๆ ด้าน